วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ประเภทของ CPU ที่ใช้ในือถือ

ถ้าพูดถึงสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนต้องศึกษาเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกซื้อ นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกและราคาแล้ว หน่วยประมวลผลภายในหรือ CPU ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน วันนี้เราจะมาอธิบายหลักการทำงานง่ายๆของ CPU บนสมาร์ทโฟน ที่บ่อยครั้งเรามักพบเจอกับคำเหล่านี้ทั้ง Single Core, Dual Core, Quad Core หรือ Octa Core (ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน)
CPU (Central Processing Unit) หรือเรียกว่า หน่วยประมวลผลกลาง เปรียบเสมือนอวัยวะส่วนสมองของสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และ แฟบเล็ต ที่ขับเคลื่อนการใช้งานผ่านการประมวลผลของชิปเซ็ต CPU โดยสามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้

CPU single-core คือหน่วยประมวลผลที่มีการทำงานเพียงหนึ่ง core หรือหนึ่งแกนสมอง โดยเปรียบเทียบว่าในบริษัทหนึ่งมีคนทำงานเพียงคนเดียวที่จะต้องทำหน้าที่ทุกอย่างในการขับเคลื่อนบริษัทให้เดินหน้าต่อไป ดังนั้นการทำงานต่างๆ อาจมีความล่าช้า หากใช้งานพร้อมกันหลายประเภท
CPU dual-core คือหน่วยประมวลผลที่มีการทำงานของสอง core หรือมีสองแกนสมอง เปรียบเทียบกับบริษัทเดิมที่มีการเพิ่มคนทำงานอีกหนึ่งคนในการแบ่งเบาภาระ โดยแบ่งหน้าที่ทีแตกต่างกันออกไป
CPU quad-core คือหน่วยประมวลผลที่มีการทำงานถึงสี่ core หรือมีสี่แกนสมอง โดยบริษัทเดิมรับคนเพิ่มขึ้นอีกสามคน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่การทำงานให้ทำงานสบายขึ้น ซึ่งแต่ละแกนก็จะมีหน้าที่ที่แตกต่างกัน เพื่อการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
CPU octa-core คือหน่วยประมวลผลที่มีการทำงานถึง 8 core หรือมีแปดแกนสมอง โดยเปรียบเทียบบริษัทเดิมแต่เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งจะส่งผลให้การประมวลผลต่างๆ มีประสิทธิภาพรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม โดย octa-core ถือเป็น CPU ล่าสุดในเวลานี้ และเริ่มถูกนำมาใช้บนสมาร์ทโฟน ยกตัวอย่างเช่น Samsung ได้นำหน่วยประมวลผล octa -core มาใช้แต่ประสิทธิภาพการทำงานยังไม่สามารถประมวลผลพร้อมกันได้ทั้ง 8 core (4+4) เพียงสลับหน้าที่ในการทำงานออกเป็นอย่างละ 4 core ซึ่งทาง Samsung ใช้ชื่อชิปเซ็ตนี้ว่า exynos และล่าสุดทาง MediaTekเตรียมเปิดตัวชิปเซ็ต True octa-core ที่สามารถทำงานพร้อมกันได้ถึง 8 core ในเร็วๆ นี้
นอกจากจำนวนของแกนสมองที่ยิ่งมีมากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลให้การประมวลของสมาร์ทโฟนมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น ความเร็วของ CPU ก็ยังเป็นตัวแปรสำคัญในการประมวลผล ยิ่งมีความเร็วมากเท่าไหร่ การประมวลผลของ CPU ก็ยิ่งตอบสนองการทำงานได้เร็วขึ้น แต่ปัญหาอย่างหนึ่งทีมักถูกพบคือ การที่มีแกนสมองในการประมวลผลมากเท่าไร จะส่งผลให้แบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็ว  
ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ CPU หลักที่ค่ายมือถือส่วนใหญ่เลือกใช้มี 5 แบรนด์ด้วยกันคือ NVIDIA, Mediatek, Qualcomm, Intel และ exynos (ผลิตโดย Samsung) 

วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สั้งประกอบมือถือได้ดั่งใจ

เป็นเรื่องจริงที่ทาง Google จะขาย มือถือใหม่ แบบสั่งประกอบ โดยเริ่มในปี 2015 ที่จะถึงนี้ หรือต้นปีหน้านั่นเอง โดยคอนเซ็ป หรือแนวความคิด ของ มือถือใหม่ แบบสั่งประกอบ ตัวนี้ หรือ ภาษาอังกฤษ เรียกว่าCustomized Smartphone ก็มาจาก โปรเจค ARA ที่คิดค้นโดย Motorola ที่ต้องการ จะขาย มือถือ smartphone แบบที่ลูกค้า สามารถ สั่งประกอบได้ คือ สามารถ เลือกได้ว่า มือถือ สมาร์ทโฟน ที่เราต้องการนั้น ต้องการแบบไหน เอาหน้าจอ ละเอียดเท่าไหร่ ใหญ่แค่ไหน แรมเท่าไหร่ CPU เอาแรงแค่ไหน หน่วยความจำ ต้องการสักเท่าไหร่ดี ลูกค้าอย่างเรา สามารถเลือกได้ทั้งหมด ซึ่งนอกจาก จะตอบสนองความต้องการ ของลูกค้า อย่างตรงจุดตามความต้องการแล้ว ยังสามารถ กำหนดงบประมาณ ให้กับตัวลูกค้าเองได้ด้วย คือ ลูกค้ามีงบเท่าไหร่ ก็สามารถเลือกสเปค และจัดสเปคเอง ตามงบของตัวเองที่มี นั่นแปลว่า ไม่ว่าลูกค้าระดับไหน มีเงินเท่าไหร่ ก็สามารถสั่งซื้อ มือถือใหม่ หรือ สมาร์ทโฟน แบบสั่งประกอบเองได้ ซึ่งจะทำให้ยอดขาย พุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน

มือถือสั่งประกอบ สุดล้ำ จาก Google จะมีหน้าตายังไง?

google เผย มือถือใหม่ แบบสั่งประกอบ
Google เล็งเห็น แนวความคิด และการที่จะทำให้ยอดขาย พุ่งขึ้นได้อย่างมหาศาลง่ายๆ ด้วยแนวความคิด ของโปรเจค ARA ตัวนี้ จึงตัดสินใจ ดำเนินการพัฒนา ARA Project ต่อเนื่องมา จนในที่สุด ก็สามารถ กำหนดเปิดจำหน่ายจริง มือถือใหม่ แบบสั่งประกอบ ตัวนี้ ในเดือน มกราคม 2015 ที่จะถึงนี้ โดยที่ตัวโครงของเครื่อง โทรศัพท์มือถือ พร้อมกับหน้าจอ จะตั้งราคาอยู่ที่ $50 พูดง่ายๆ เป็นราคา ของตัวโครงสร้างหลัก ของมือถือ สมาร์ทโฟน เริ่มขั้นต่ำ ที่ $50 ( ประมาณ 1,600 บาท ) ซึ่งจะมีชื่อ เรียกส่วนี้ว่า endoskeleton หรือโครงสร้าง กระดูกหลัก ผมจะอธิบาย แบบภาษาคนทั่วไป ให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ แนวความคิด ของ มือถือใหม่ สั่งประกอบ ตัวนี้ จะคล้ายๆ กับ ของเล่น LEGO ที่เด็กๆ ชอบเล่น คือมันจะเป็นชิ้นส่วน ที่นำมาประกอบกันได้ โดยมีช่อง หรือรู ให้ใส่ที่พอดีกัน เราก็แค่เลือก ว่าจะเอาชิ้นส่วน สเปค แบบไหน มาประกอบกันเข้าไป แต่การที่จะประกอบขึ้นเป็นรูปร่างได้ มันต้องมีโครงสร้างหลัก หรือแกนหลักก่อน ซึ่งเจ้า endoskeleton นี้ก็คือแกนหลักนั่นเอง ดูรูปภาพด้านล่าง เพื่อความง่าย ต่อการเข้าใจนะครับ
มือถือใหม่ ถอดหน้าจอได้ customized
ARA Project Google มือถือ
endoskeleton grey phone
ทีมงาน ผู้พัฒนา โปรเจค ARA ซึ่งก็คือ บริษัท โมโตโรล่า ภายใต้การดูแลของ Google ณ ตอนนี้ ก็กำลังทำงานอย่างหนัก โดยต้องทำงานร่วมกับ วงการการศึกษา เกี่ยวกับ 3D Printer ซึ่งจะเข้ามาเป็นส่วนช่วย ให้การผลิต มือถือใหม่ สั่งประกอบ ทำได้ง่ายขึ้น สำหรับปัญหา ที่กำลังประสบอยู่ ตอนนี้ ก็คือ ระบบปฏิบัติการ Android ยังไม่รองรับ Driver ชิป ควบคุมส่วนประกอบ ของ ARA ซึ่งก็มีการคาดเดาว่า ตัว Driver ที่จะเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด จะเสร็จสิ้นในเดือนธันวาคม แล้วก็จะวางจำหน่าย ในเดือน มกราคม จวนเจียนมากๆ เลยทีเดียว
ชิ้นส่วน module ต่างๆ
Google จะขาย มือถือ สั่งประกอบ เริ่มต้นปี 2015 นี้
สำหรับในเรื่องของ ความทนทานนั้น ทีมงาน ARA ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตัวโครง หรือ endoskeleton จะมีความทนทาน สามารถอยู่ได้นาน 5 – 6 ปี ส่วนการสื่อสาร ระหว่าง ชิ้นส่วนที่เอาเข้าไปประกอบ หรือที่เรียกว่าModule ( โมดูล ) นั้น จะใช้มาตรฐานที่เรียกว่า UniPro ซึ่งมีความทนทาน ต่อการใช้งาน พอสมควร
Google จะขาย มือถือ สั่งประกอบ
ตัวอย่าง มือถือ สั่งประกอบ จาก Google
มือถือ ARA Project
เป็นเรื่องที่ใหม่มาก แต่ก็ถือว่า จะกลายเป็นก้าวสำคัญ ในวงการ โทรศัพท์มือถือ ระดับโลกเลยนะครับ มันคงจะสะดวกมากเลย ถ้าเราสามารถ สั่งตัว โมดูล หรือชิ้นส่วนใหม่ มาอัพเกรดมือถือ ของเรา โดยการถอดอันเก่าออก แล้วเอาอันใหม่เสียบเข้าไป คงจะสนุกน่าดูเลยทีเดียว หรือถ้าเล่นๆ อยู่ แล้วรู้สึกว่า ไม่พอใจ ทำไมมันช้าจัง เดินเข้าร้านมือถือ ซื้อ CPU ตัวใหม่ ที่เร็วกว่า แล้วถอดตัวเก่า เอาไปเทิร์นในร้าน ซื้อ CPU ตัวใหม่ มาเสียบใส่กับ มือถือ เครื่องเดิม เท่านี้ ก็ไวขึ้น แถมประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเปลี่ยน มือถือใหม่ ยกเครื่อง หรือซื้อใหม่แต่อย่างใด แนวความคิด มือถือ สั่งประกอบ นี้ ผมเชื่อว่า จะกลายเป็นจริง และจะได้รับความนิยมอย่างแน่นอนครับ รอดูครับ ปีหน้า Google จะขาย มือถือใหม่ แบบสั่งประกอบ และจะได้รับความนิยม หรือไม่ คอยติดตามครับ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ ผมจะติดตามข่าวสาร เกี่ยวกับ มือถือใหม่ แบบสั่งประกอบ ARA Project นี้ จากทาง Google อย่างต่อเนื่อง คืบหน้าอย่างไร จะรีบนำมาแจ้งให้ทราบกันต่อไปครับ

โทรศัพย์มือถือก็มีวันเกิดนะ

คนเราทุกคนต่างก็มีวันเกิด สิ่งของก็เช่นเดียวกัน....คุณรู้หรือไม่โทรเครื่องแรกเกิดขึ้นเมื่อไหร่?
         
      วันที่  3 เมษายน พ.ศ. 2516 โทรศัพย์มือถือ (mobile or cell phone) เครื่องแรกถูกผลิตขึ้น โดย มาร์ติน คูเปอร์ (Martin Cooper) ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท โมโตโตลา (Motorola) คูเปอร์ก็ได้ทดลองใช้โทรศัพท์มือถือโมโตโรลา DynaTAC ซึ่งเป็นต้นแบบ โทรไปหา โจเอล เอ็งเจล (Joel Engel) หัวหน้านักวิจัยของบริษัท AT&T และ Bell Labs ก่อนที่โทรศัพท์มือถือ Motorola DynaTAC 8000X จะออกวางจำหน่ายในปี 2526 ไดนาแทคของคูเปอร์จึงเป็นโทรศัพท์มือถือที่ปฏิวัติโลกแห่งการสื่อสารในยุคนั้น

5 เหตุผลที่ไม่ควรซื้อมือถือ Android ราคาถูก



    1. ใช้งานได้เหมือนกัน แต่ “ใช้งานได้ดี” ต่างกัน

    จริงอยู่ที่ว่าเดี๋ยวนี้ มือถือแอนดรอยราคาไม่แพงมากก็ใช้งานได้พอๆ กับมือถือแอนดรอยราคาแพง เพราะด้วยความเป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถโหลดแอพมาใช้งานได้เหมือนกัน และยิ่งแอพพลิเคชันพื้นฐานอย่างพวก Line, Facebook หรือแม้แต่การใช้งานอินเทอร์เน็ตก็ตาม ทำให้มือถือแอนดรอยราคาไม่แพงก็ทำอะไรๆ ได้เหมือนกับรุ่นท็อป แต่มีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก ก็คือ “การใช้งานได้ดี” ด้วยสเปคที่ให้มาแค่พอใช้ (พอใช้จริงๆ นะ) ทำให้การใช้งานค่อนข้างมีข้อจำกัด ยกตัวอย่างเช่นการใช้งาน Facebook จริงอยู่ครับว่ามือถือแอนดรอยตอนนี้ล้วนแต่ใช้งาน App Facebook ได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือความลื่นไหลในการใช้งาน เวลาเลื่อนหน้า Feed เร็วๆ นี่เห็นผลเลย
    Review-Oppo-Find-7-SpecPhone 014


    2. ซื้อเครื่องแถมแพ

    ถ้าดูจาก Google Nexus จะเห็นว่า Google ประกาศเลยว่า Nexus จะได้รับการสนับสนุนด้าน Software (ได้รับการอัพเดต) อย่างแน่นอน 18 เดือน ซึ่งมาตรฐานของมือถือทั่วไปก็จะประมาณนี้แหละครับ คือซื้อเครื่องมา ในช่วง 18 เดือนนับตั้งแต่มันเปิดตัวเนี่ย ถ้ามี Android เวอร์ชันใหม่ๆ ออกมาส่วนมากก็จะมีการอัพเดตให้ แต่ไม่ใช่สำหรับมือถือ Android ที่มีราคาถูกจนเกินไปครับ เพราะมือถือเหล่านี้เกิดมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการเวอร์ชันไหน ใช้จนเครื่องพังก็ยังคงอยู่ที่ระบบปฏิบัติการเดิม ไม่ค่อยจะได้รับการอัพเดตซักเท่าไหร่ ยกเว้นบางรุ่นที่หลุดมาจริงๆ ก็อาจจะได้ไปต่อ แต่ก็เป็นส่วนน้อยมากครับ

    3. วัสดุและงานประกอบไม่น่าประทับใจ

    อันนี้เป็นปัจจัยด้านราคาล้วนๆ เลยครับ แน่นอนว่าราคาที่ถูกลง ก็ย่อมแลกกับอะไรหลายๆ อย่าง และวัสดุรวมถึงงานประกอบก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่แลกมา จะเห็นเลยว่าบรรดามือถือราคาไม่แพงทั้งหลายแหล่ส่วนมากจะใช้วัสดุเป็นพลาสติกด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนการออกแบบก็มักจะไม่โดดเด่น หน้าตาดูบ้านๆ และที่สำคัญคือในบางรุ่น งานประกอบยังไม่น่าประทับใจอีกต่างหาก เวลากดๆ ไปที่ฝาหลังมักจะเจออาการหลังยวบได้ครับ ต่างจากมือถือที่ราคาแพงๆ ถึงวัสดุจะเป็นพลาสติกเหมือนกัน แต่ก็จะเป็นพลาสติกเกรดดีกว่า, ให้สัมผัสที่ดีกว่า หรือบางรุ่นก็อาจใช้โลหะเป็นวัสดุของตัวเครื่องเลยหล่ะ
    Review-Sony-Xperia-Z2-SpecPhone 036

    4. หน้าจอไม่ค่อยแจ่ม

    สมาร์ทโฟนเดี๋ยวนี้เป็นระบบหน้าจอสัมผัสกันหมดแล้ว ทำให้หน้าจอเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และในมือถือ Android ที่มีราคาถูก (จนเกินไป) ก็มักจะพบว่าหน้าจอมันไม่ค่อยแจ่มเอาซะเลย ซึ่งก็เป็นปกติครับ เพราะต้องลดต้นทุนการผลิตลงมาเพื่อให้ขายได้ในราคาถูก ทำให้หน้าจอของมือถือราคาถูก (จนเกินไป) มักจะเป็นหน้าจอประเภท TFT และมีความละเอียดจอต่ำ ซึ่งส่งผลต่อการใช้งานแบบเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหน้าเว็บไม่สบายตา หรือใช้งานกลางแดดจัดๆ หน้าจอสู้แสงไม่ได้ ต้องบอกว่า “มันจ้าซะเหลือเกิน”

    5. กล้องหน้า – หลังมักจะห่วย

    กล้องของสมาร์ทโฟนก็เป็นอะไรที่สำคัญไม่แพ้หน้าจอ หรือสเปคเลยครับ แต่สำหรับมือถือที่มีราคาถูก (จนเกินไป)อาจจะพบปัญหาในการใช้งานกล้อง อาทิเช่น ถ่ายกลางคืนไม่สวย, จับโฟกัสยาก หรือบางรุ่นก็ไม่มี Auto Focus ซะงั้น จะถ่ายภาพอาหารใกล้ๆ หรือจะถ่ายหน้าชัด-หลังเบลอมันช่างลำบากยากเย็น เผลอๆ ต้องใช้แอพช่วยอีก โดยเฉพาะกล้องหน้ายิ่งแล้วเลยครับ บางรุ่นก็ไม่ให้กล้องหน้ามาอีก จะถ่าย Selfie ก็ต้องมาคอยเล็งเอาเอง
    Review-HTC-One-M8-SpecPhone 026

    5 เหตุผลที่ไม่ควรซื้อมือถือ Android ราคาแพง

    1. ความสามารถในการใช้งานทั่วไปไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

    ยิ่งถ้าเราเป็นผู้ใช้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนปกติทั่วไป เน้นเล่นโซเชียล, เล่นอินเทอร์เน็ต, ใช้งานโทรศัพท์ เล่นเกมเบาๆ จำพวกเกม Line Cookie Run, Line เกมเศรษฐีได้แน่นอน ไม่เห็นจะต้องซื้อมือถือแอนดรอยราคาแพงๆ เลย เพราะเดี๋ยวนี้สเปคขั้นพื้นฐานของมือถือแอนดรอยทั่วไปก็ประมาณ CPU Quad Core, Ram 1 GB ก็ถือว่าใช้งานสบายๆ ครับ
    Review-Lenovo-A526-SpecPhone 019

    2. มือถือเดี๋ยวนี้ตกรุ่นเร็ว

    เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้มาเร็วไปเร็วครับ ส่งผลให้มือถือเดี๋ยวนี้ก็เปิดตัวรุ่นใหม่ๆ กันเป็นว่าเล่นเหมือนกัน โดยเฉพาะมือถือ Android เรือธงนี่อายุสั้นมากครับ เพราะหลายๆ ค่ายส่วนมากก็จะออกมือถือตัวท็อปปีละ 2 รุ่น ก็คือรุ่นต้นปีและปลายปี ทำให้อายุของมือถือเรือธงที่ราคาแตะหลัก 20,000 บาทเนี่ยจะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดแค่ประมาณ 8 เดือนเท่านั้นเอง

    3. เครื่องหายหรือพัง เสียดายน้อยกว่า

    อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเวลา และมักจะไม่บอกเราก่อนที่จะเกิดด้วย สำหรับคนที่ซื้อมือถือไว้ใช้งานจริงๆ มือถือแอนดรอยราคาไม่แพงนักเป็นทางเลือกที่ดีครับ เพราะเวลาที่เราเผลอทำเครื่องหล่น หรือทำเครื่องหาย ยังไงก็เสียดายน้อยกว่าทำมือถือเรือธงพังอย่างแน่นอน
    Review-Alcatel-Pop-C7-SpecPhone 010

    4. ได้ใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุด

    อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเลยครับ ผู้เขียนเคยใช้มือถือตัวท็อปของปี 2011 รุ่นหนึ่ง ตอนนั้นซื้อมาราคาประมาณ 18,000 บาท ใช้งานยังไม่ครบปีก็โดนลอยแพซะแล้ว ตอนนี้ยังค้างอยู่ที่ Android 4.1 Jellybean อยู่เลย แต่ในทางกลับกัน มือถือรุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ราคาไม่ถึง 5,000 บาทบางรุ่นก็มาพร้อมระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดอย่าง Android 4.4 Kitkat แล้ว

    5. ใครๆ ก็เป็นเจ้าของได้

    จุดเด่นของมือถือแอนดรอยราคาไม่แพงก็อยู่ที่ราคานี่แหละครับ ทำให้ใครๆ ก็สามารถใช้งานสมาร์ทโฟน และเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น เดี๋ยวนี้มีเงินไม่ถึง 2,000 บาทก็เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนได้แล้วครับ
    Review-Asus-Zenfone-4-SpecPhone 006


    มือถือ

    มาดูโทรศัพท์มือถือที่มีราคาสูงที่สุดติดอันดับโลก
    คนส่วนใหญ่ชื่นชอบที่จะใช้โทรศัพท์มือถือที่เปี่ยมคุณภาพ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันไป แต่เรื่องจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือในยุคทองแห่งสมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือของคุณจะถูกแทนที่ด้วยรุ่นใหม่ๆ ที่ทยอยเข้ามาในตลาดอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้บางคนจึงไม่นิยมซื้อโทรศัพท์มือถือที่ราคาแพง และมักเปลี่ยนมือถือบ่อยครั้ง เรียกว่าตามเทคโนโลยีก็ได้ แต่มีกลุ่มคนบางกลุ่มในโลกที่ต้องการใช้โทรศัพท์มือถือราคาแพง และเชื่อเถอะครับว่า มีการผลิตโทรศัพท์ที่แพงที่สุดในโลกขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้ไปดูกันครับว่ามือถือที่ได้ชื่อว่า "แพงที่สุดในโลก" หน้าตาเป็นอย่างไร
    Ulysse Nardin’s The Chairman – up to $49,500 (ราวๆ 1.5 ล้านบาท) เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่แพงที่สุด มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสและปุ่มกด โดยชื่อของ Ulysse Nardin มีความเกี่ยวข้องกับนาฬิกาหรู ซึ่งตัวมือถือก็มีดีไซน์ปุ่มปรับระดับเสียงเหมือนปุ่มนาฬิกา และที่ด้านหลังก็มีกลไกซึ่งดูซับซ้อนซ่อนอยู่ภายใน ที่พิเศษคือผู้ใช้สามารถสร้างกระแสไฟให้กับมือถือผ่านกลไกตัวนี้
    Nokia 8800 Arte with pink diamonds -  $134,000 (ราวๆ 4.1 ล้านบาท) มือถือเครื่องนี้ได้รับการออกแบบโดย Peter Aloisson ซึ่งเป็นทองคำขาว 18k ฝังเพชรสีขาวและชมพูรวมกันกว่า 21.5 กะรัต มีกล้องหลัง 3.15 ล้าน ออโต้โฟกัส สามารถบันทึกวิดีโอ, เล่นเพลง, Bluetooth, บันทึกเสียง
    Peter Aloisson’s iPhone Princess Plus - $176,400 (ราวๆ 5.5 ล้านบาท) โทรศัพท์ iPhone เครื่องนี้มีเพชร 17.75 กะรัต ฝังอยู่บนทองคำขาว 18k โดยมีเพชรกว่า 318 ชิ้นรอบๆ เครื่อง
    Sony Ericsson Black Diamond – $300,000 (ราวๆ 9.2 ล้านบาท) ราคาอันมหาศาลนี่มาจากเรื่องศิลปะการออกแบบล้วนๆ แต่ภายในหน้าจอก็ยังใช้เทคโนโลยี OLED ภายใต้พื้นผิวโพลีคาร์บอเนตคลุมส่วนหน้าจอทั้งหมด 4 ล้านพิกเซล ไม่มีขอบ.. มองดูเหมือนโทรศัพท์ในอนาคต
    Vertu Signature Cobra - $310,000 (9.5 ล้านบาท) โทรศัพท์รูปร่างประหลาดนี้มี 8 เครื่องในโลก ออกแบบโดยนักออกแบบเครื่องประดับชาวฝรั่งเศส Boucheron ซึ่งมีงูเห่าเป็นจุดเด่นและโอบอุ้มเพชร 2 วง มรกตอีก 2 , ทับทิมอีก 439 ชิ้น มันดูไม่น่าจะใช้โทรศัพท์ได้ แต่แพงจริง
    Gresso Luxor Las Vegas Jackpot – $1 million (30 ล้านบาท) โทรศัพท์ที่ทำออกมาเพียง 3 เครื่องในโลก และมีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากอียิปต์สไตล์ ดูคล้ายกับอำนาจโบราณยังไงบอกไม่ถูก แต่ภายในมีเพชรสีดำ 45.5 กะรัตตกแต่งบริเวณฝาและแผงด้านหลังก็ทำมาจากไม้ african blackwood อายุ 200 ปี ไม้ที่แพงที่สุดในโลก แถมปุ่มกดก็ถูกสร้างจากหินคริสตัลแซพไพร์ และกรอบสีทองหนัก 180 กรัม
    The Diamond Crypto Smartphone – $1.3 million (40 ล้านบาท) ถูกสร้างจากผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมระดับหรูในกรุงมอสโคว JSC Ancort โดย Peter Aloisson ซึ่งตัวเครื่องประกอบจากแพลทินัมประดับด้วยเพชร 50 ก้อน และยังมีเพชรสีน้ำเงินหายากอีก 8 ชิ้น นอกจากนี้โลโก้ Ancort และปุ่มก็ทำจาก rose ทองสี rose 18k ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows CE นอกจากนี้ยังมีจอแสดงผล TFT โทรศัพท์เครื่องนี้สามารถส่ง SMS, MMS, E-mail, Internet, WAP, JAVA และเป็นเครื่องเล่นมีเดีย
    GoldVish ‘Le Million’ Piece Unique - $1.3 million (40 ล้านบาท) โทรศัพท์เครื่องนี้ทำจากทอง 18k และเพชรน้ำเอก 20 กะรัต VVS1 (only microscopically flawed) นอกจากนี้ยังรองรับ Bluetooth, พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง 2GB, วิทยุ FM, กล้องดิจิตอล, สามารถเล่นไฟล์ MP3 และต้องสั่งทำเท่านั้น ไม่มีขาย
    Peter Aloisson’s Kings Button iPhone - $2.4 million (74.2 ล้านบาท) เห็นรูปนี้ไม่ต้องตกใจ มันคือ iPhone 3G ที่ถูกนำไปประดับอัญมณีรอบตัว (แม้กระทั่งปุ่ม Home) โดยมีเพชร 138 ชิ้นอยู่ด้านข้าง และมีปุ่ม Home ทำจากเพชร 6.6 กะรัตสีขาว
    Goldstriker iPhone 3GS Supreme – $3.2 million (98.8 ล้านบาท) เครื่องนี้ก็iPhone 3GS ที่ฝังด้วยทอง 22k หนัก 271 กรัม เพชร 1 กะรัต 53 เม็ด ปุ่ม Home มีเพชรหายาก 7.1 กะรัต 
    Stuart Hughes iPhone 4 Diamond Rose Edition – $8 million (247 ล้านบาท) เครื่องนี้ทำสถิติโลกเป็นมือถือที่แพงที่สุดไปอย่างไม่ต้องสงสัย เพชรงามถูกฝังรายรอบเครื่อง iPhone 4 ทั้งตัวปุ่ม Home และโลโก้ Apple ด้วย ถือไปคงมือสั่นไป เพราะมันแพงมหาศาลเหลือคณา
    ปิดท้ายด้วย "โทรศัพท์ทองคำ" มันมีจริงๆ นะครับ ไม่ได้ล้อเล่น *O* เป็นยังไงบ้างครับ เจอแบบนี้คงต้องยอมว่าเค้ามีเงินเหลือใช้ที่จะซื้อจริงๆ แฮะ
    ที่มา:http://news.siamphone.com/news-08838.html